การจัดงานแต่งงานในรูปแบบงานเช้าเลี้ยงเที่ยง ซึ่งการจัดงานแต่งงานในรูปแบบนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน พิธีจะต่อเนื่องแบบรวดเดียวและจบงานทั้งหมดในช่วงบ่าย ใช้เวลาแค่ครึ่งวัน ข้อดีคือ ทำให้ช่วยประหยัดเวลาและงบในหลายๆด้านไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งในวันนี้บิวตี้จะพูดถึงในเรื่องของการแต่งหน้าทำผม สำหรับว่าที่บ่าวสาว ที่เลือกจัดงานแบบเช้าเลี้ยงเที่ยง สิ่งที่ต้องคำนึงก็คือ
เจ้าสาวจะเลือกแต่งหน้าแบบรอบเดียวหรือรอบครึ่ง ? และจะพิจารณาจากอะไร?
การแต่งหน้าทำผมแบบรอบเดียว คือ เจ้าสาวจะแต่งหน้าทำผม 1 ครั้ง ในตอนเช้า และอยู่ยาวจนงานเลี้ยงจบในช่วงบ่าย การเลือกบริการแบบนี้เจ้าสาวจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น เมื่อช่างแต่งหน้าทำผมให้เสร็จแล้ว ช่างจะกลับเลย ไม่ได้อยู่ช่วยเปลี่ยนชุดหรือเติมหน้าเปลี่ยนทรงผมให้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวควรพิจารณาก็คือ
การแต่งหน้าทำผมแบบรอบเดียว คือ เจ้าสาวจะแต่งหน้าทำผม 1 ครั้ง ในตอนเช้า และอยู่ยาวจนงานเลี้ยงจบในช่วงบ่าย การเลือกบริการแบบนี้เจ้าสาวจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น เมื่อช่างแต่งหน้าทำผมให้เสร็จแล้ว ช่างจะกลับเลย ไม่ได้อยู่ช่วยเปลี่ยนชุดหรือเติมหน้าเปลี่ยนทรงผมให้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวควรพิจารณาก็คือ
- ถ้าต้องเปลี่ยนชุดสำหรับงานเลี้ยงเที่ยง ให้เลือกทรงผมและโทนสีของเมคอัพ ที่เข้ากันได้ในทั้ง 2 ชุด
- ถ้าต้องเปลี่ยนชุดควรมีเพื่อนเจ้าสาวหรือคนที่ช่วยเปลี่ยนชุดได้
- ว่าที่เจ้าสาวควรเตรียมเครื่องสำอางค์ไว้สำหรับเติมหน้า ซับมัน ได้ด้วยตัวเองหรือมีเพื่อนเจ้าสาวที่สามารถดูแลในส่วนนี้ได้ ระหว่างช่วงก่อนงานเลี้ยง
- หากจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่าย หรือพิธีการค่อนข้างเยอะ และไม่มีเวลาพอจะเปลี่ยนชุด หน้าผม ก็สามารถใช้ชุดเพียงชุดเดียวทั้งช่วงพิธีการและงานเลี้ยงจนจบงานได้เช่นเดียวกัน แต่ควรเลือกชุดที่ไปกันได้ทั้งช่วงพิธีการและงานเลี้ยง
การแต่งหน้าทำผมแบบรอบครึ่ง คือ เจ้าสาวจะแต่งหน้าทำผม 1 ครั้งในตอนเช้า และช่างจะรออยู่เพื่อ ช่วยเปลี่ยนชุด เติมหน้าเปลี่ยนโทนสีเมคอัพ เปลี่ยนทรงผมและเครื่องประดับผมให้เข้ากับชุดสำหรับงานเลี้ยง ค่าใช้จ่ายก็จะเป็นแบบ 1 รอบ+เพิ่มในส่วนที่ต้องดูแลสำหรับงานเลี้ยงเที่ยง ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่างแต่ละท่านว่าจะคิดค่าบริการเพิ่มไปอีกเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นข้อดีของการแต่งหน้าแบบนี้คือ
- สะดวกสบายสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่เตรียมชุดไว้ 2 ชุดในวันงาน
- เจ้าสาวจะได้ใส่ชุดทั้งชุดไทยและราตรี และได้ลุคที่เข้ากันในแต่ละชุดที่เตรียมไว้
- มีช่างที่ชำนาญในการทำงานคอยดูแล
แต่ก็มีสิ่งที่ควรพิจารณา คือ
- ควรจัดเตรียมเผื่อเวลาให้มากพอสำหรับการเปลี่ยนชุด หน้าผม ถ้าเป็นไปได้อย่างน้อยที่สุด 45 นาที หากน้อยกว่านี้ อาจจะไม่ได้ทันที่จะเปลี่ยนให้ครบทุกอย่าง
- หากมีเวลาไม่มากพอ ในวันงานจริงๆบางครั้งเวลาที่คำนวณไว้มีการคาดเคลื่อน ซึ่งช่างอาจจะมีเวลาทันแค่เปลี่ยนชุด และซับหน้า ในบางงานอาจจะไม่ทันเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนได้แค่เครื่องประดับ หรือต้องทำทุกอย่างให้ครบด้วยความเร่งรีบ เพื่อบริหารงานให้ทันเวลา
- ควรจัดเตรียมชุด เครื่องประดับ และพื้นที่ให้ช่างได้ทำงานอย่างสะดวก ไม่ควรให้บุคคลอื่นรบกวนหรือคอยเร่งเวลา เพราะต้องใช้ความรวดเร็วแข่งกับเวลา อาจจะทำให้ช่างเสียสมาธิ และทำงานช้าลงไปด้วย
- การเลือกชุดที่สวมใส่ง่ายในช่วงบ่าย จะทำให้ช่วยประหยัดเวลาได้มากยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณเครดิต รูปภาพในงานจากเจ้าสาวด้วยนะคะ
เจ้าสาวงานเช้าชุดไทย กับลุคหวานๆ ให้เข้ากับชุดไทยและเครื่องประดับสีทอง
เกล้าผมประดับด้วยมาลัยเกลียวดอกพุด
ในช่วงงานเลี้ยง เปลี่ยนโทนสีเมคอัพและทรงผมให้เข้ากับชุดราตรี ดูเป็นสากล
และดูมีความแตกต่างจากงานเช้า
ทั้งหมดที่บิวตี้ได้กล่าวมานั้น เป็นสิ่งที่บิวตี้ได้พบเจอและพิจารณาจากประสบการณ์ตรงในการทำงานที่ผ่านมา บางงานก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น บางงานก็เจอเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า หรือเหตุสุดวิสัย เราก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือให้ได้ทุกสถานการณ์ เพราะฉะนั้นการเลือกใช้บริการจากช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ความชำนาญในแต่ละด้าน จะสร้างความมั่นใจให้กับว่าที่เจ้าสาวได้มากยิ่งขึ้นว่า ทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน